วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตอนที่ ๑๒ สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ

(ร่าย)       ไป่เกินกาลท่านสั่ง กระทั่งแรมสิบห้าค่ำ ย่ำสองนาฬิกาปลาย ทำงนงายพอเสร็จ จึ่งสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วแคล้วคลา กับราชาคณะสงฆ์ ยี่สิบห้าองค์สองแผนก แฉกงาสานสรล้าย ผ้ายลุยังวังราช พระบาทธให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแต่งอาสน์ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรมพุม ชุมบรรพชิตแช่มชื่น ขุนชีอื้นอวยพร ถามข่าวจรจอมภพ ซึ่งเสด็จรบพารณ จนอเรนทรพินาศ ขาดคอคชในรงค์ จึ่งพระองค์อิศเรศ บรรหารเหตุจำบัง จอมสงฆ์ฟังซั้นขาน พระราชสมภารมีชัย ใดทวยบาทมูลิกา ต้องอาชญายินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่านายทัพทั้งผอง เกณฑ์เข้ากองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก ตระดกดาระรัว ยิ่งกว่ากลัวสวามิศ บเต้าติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้าโรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง แสนเสนางค์เนืองบร จนราญรอนไอยเรศ ลุชเยศมฤตยู จึ่งได้ดูหน้ามัน เพื่อมหันตบารเมศ เบื้องบุเรศบำรุง ผดุงเดชเผือพี่น้อง ผิบพ้องบุญบูรพ์ ไอยศูรย์เสียมภพ ตรลบเลื่องขามนามตะเลง ลือละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา เสื่อมกฤตยาสยามยศ สาหสสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยการศึก จารึกชื่อชั่วฟ้า ไว้เป็นขนบภายหน้า อย่าให้ใครยลเยี่ยงนา
โคลง๔
๏ สมเด็จพนรัตเจ้า                จอมชี
ฉลองพจน์ราชวาที                ท่านให้
ทวยทูลละอองธุลี                  บัวบาท  พระนา
พื้นภักดีต่อใต้                         บทเบื้องเรณู
๏ ดูผิดไป่รักท้าว                    ไป่เกรง
แผกระบอบแต่เพรง              ห่อนพ้อง
พระเดชหากแสดงเอง           อำนาจ  พระนา
เสนอทุกทวยธเรศก้อง          เกียรติอ้างอัศจรรย์   ฯลฯ
๏ พระตรีโลกนาถแผ้ว          เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร               พี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญ                 อรินาศ  ลงนา
เสนอพระยศยิ่งยินก้อง         เกียรติท้าวทุกภาย
๏ ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า          โรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญ             มั่วมล้าง
พระเดชบ่ดาลขจร                เจริญฤทธิ์  พระนา
ไปทั่วธเรศออกอ้าง               เอิกฟ้าดินไหว
๏ อย่าไทโทมนัสน้อย           หฤทยา
เพื่อพระราชกฤษฏา               แต่กี้
ทุกทวยเทพคณา                   ซุมซ่วย  พระเอย
แสดงพระเดโชชี้                   ชเยศไว้ในสนาม
โคลง๒
๏ สมดั่งความตูพร้อง            ขอบพิตรอย่าข้อง
ขุ่นแค้นเคืองกมล  ท่านนา
๏ โดยยุบลถ่องแท้                 ฤๅสนเท่ห์เล่ห์แล้
ถูกถ้อยแถลงการณ์   นี้นา
(ร่าย)       ปางนฤบาลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถบรรยาย ถวายวิสัชนาสาร โดยพิสดารพรรณนา เสนอสมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมาแห่งกฤษฎาภินิหาร ดาลมนัสชุ่มชื้น ตื้นเต็มปรีดิ์ปราโมทย์ โอษฐ์ออกื้นสาธู ชูพระกรกรรพุม ชุมทศนัขเหนือผาก เพื่อยินมลากเลอมาน เจ้ากูขานคำขอบ ชอบทุกสิ่งจริงถ้อย ถวิลบ่แหนงหนึ่งน้อย แน่แท้แถลง แลนา
โคลง๔
๏ แจ้งเหตุแห่งเหือดขึ้ง          ในมนัส
จึ่งพระวันรัตวัด                     ป่าแก้ว
ถวายพรบวรศรีสวัสดิ์           สว่างโทษ  ท่านนา
นฤทุกข์นฤภัยแผ้ว                ผ่องพ้นอันตราย
๏ ทั้งหลายทวยบาทเบื้อง     บงกช
ควรโคตรโทษสาหส             อะคร้าว
แต่ทูลธุลีบท                          สนองบาท  มานา
เพรงพระอัยกาท้าว                ตราบไท้พระเจ้าหลวง
๏ ล่วงถึงบพิตรผู้                   เถลิงถวัลย-  ราชย์ฤๅ
คือพุทธบรรษัทสรรพ์           สืบสร้าง
เชิญดอดอวยทัณฑ์               ทวยโทษ  นี้นา
เลยอย่าลาญชีพมล้าง             หนึ่งครั้งขอเผือ
๏ ไว้เพื่อผดุงเดชเจ้า               จอมปราณ
ก่อเกิดราชรำบาญ                  ใหม่แม้
พูนเพิ่มพระสมภาร                เพ็ญภพ  พระนา
วายบ่หวังตนแก้                     ชอบได้ไป่มี
(ร่าย)       นฤบดีดาลสดับอรรถ ซึ่งพระวันรัตอภิปราย ถวายพระพรอาจายน์ โทษมวลมาตย์ทุกมุล เพื่อการุญบริรักษ์ ภักดีในบาทบงสุ์ จึ่งพระองค์อนุญาต พระราชทานโทษทั้งผอง โดยอันครองยศ บรรหารพจนพาที ซึ่งเจ้าชีขานขอ ข้อยยกยอโทษให้ แต่ชอบใช้ไปรอน เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด ถ่ายหนผิดหาชอบ ขุนสงฆ์ตอบคำขาน ข้อโรมราญราวิศ ไป่เป็นกิจตูตาม ใช่เงื่อนงามบรรพชิต โดยพิตรอัธยา เบื้องบัญชาเชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนาตำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ พระราชกำหนดโดยดับ ทัพเจ้าพระยาคลัง รังพลห้าหมื่นเสร็จ เห็จโหมเวียงทวาย หมายเจ้าพระยาจักรี พรักพิรีย์เทียบทัด รัดไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย จึ่งชไมมาตยา บัลคลลายาตรพยู่ห์ สู่แดนเศิกโดยปอง ปิ่นเสียมสองสุริยชาติ ตรัสพิภาษพจนา ซึ่งอุตรานคเรศ เขตสีมาเมืองออก เลิกครัวครอกมาหลาย หมายบ่หมดทั้งผอง ตริไตรครองคราวศึก เสื่อมหาญฮึดแบ่งเบา จักโรมเราฤๅย่าน ฝีมือม่านมอญมวล ควรผดุงชนบท ปรากฏเกียรติยืนยง คงคู่กัลป์ประลัย เฉลิมแหล่งไผททั่วด้าว แสดงพระยศไทท้าว ธิราชไว้ไป่วาย นามนา  ฯลฯ
โคลง๔
๏ เสร็จแสดงพระยศเจ้า         จอมอยุธ- ยาแฮ
องค์อดิศรสมมุติ                    เทพไท้
นเรศวรรัตนมกุฎ                   เกศกษัตริย์  สยามฤๅ
หวังอยู่คู่ธเรศไว้                    ฟากฟ้าดินเฉลิม
๏รังเริ่มรจเรขอ้าง                  อรรถา  แถลงเอย
เสมอทิพย์มาลย์ผกา              เก็บร้อย
ฉลองบทรัชนรา-                      ธิปผ่าน  ภพฤๅ
โดยบ่เชี่ยวเชลงถ้อย             ถ่องแท้แลฉลาย
๏ บรรยายกลกาพย์แสร้ง      สมญา  ไว้แฮ
สมลักษณ์เล่ห์เสาวนา             เรื่องรู้
“ตะเลงพ่าย”เพื่อตะเลงปรา-      ชเยศ  พระเอย
เสนอฤทธิ์สองราชสู้                 ศึกช้างกลางสมร
๏ อวยพรคณะปราชญ์พร้อม   พิจารณ์  เทอญพ่อ
ใดวิรุธบรรหาร                        เหตุด้วย
จงเฉลิมแหล่งพสุธาร             เจริญรอด  หึงแฮ
มลายโลกอย่ามลายม้วย        อรรถอื้นอัญขยม
๏ กรมหมื่นนุชิต                      เชื้อ กวีวร
ชิโนรส  มิ่งมหิศร                     เสกให้
ศรีสุคต  พจนสุนทร               เถลิงลักษณ์  นี้นา
ขัตติยวงศ์  ผจงโอษฐ์ไว้        สืบหล้าอย่าศูนย์     ฯลฯ
๏ ผิววงว่ายวัฏเวิ้ง                    วารี  โอฆฤๅ
บลุโลกกุตรโมลี                     เลิศล้น
จงเจนจิตกวี                            วรวากย์  เฉลิยวเอย
ตราบล่วงบ่วงภพพ้น              เผด็จเสี้ยนเบียนสมร ฯลฯ

ถอดคำประพันธ์
ยังไม่พ้นเวลาที่สมเด็จพระนเรศวรทรงกำหนดไว้ พอถึงวันแรม 15 ค่ำ เวลาประมาณ 8 นาฬิกาเศษ สมเด็จพระวันรัตวัดป่าแก้ว กับพระราชาคณะ 25 องค์ สองแผนก คือ ฝ่ายคามวาสี และ อรัญวาสี พากันไปยังพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระนเรศวรรับสั่งให้นิมนต์เข้าไปในท้องพระโรง สมเด็จพระนเรศวรทรงประนมพระหัตถ์แสดงคารวะ พระวันรัตได้ทูลถามข่าวที่สมเด็จพระนเรศวรทำยุทธหัตถีจนพระมหาอุปราชาขาดคอ ช้าง เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงเล่าจบ พระวันรัตกราบทูลว่า พระมหาบพิตรพระราชสมภารเจ้าทรงได้รับชัยชนะ เหตุใดเล่าเหล่าบริพารจึงต้องโทษ ได้ยินแล้วที่สงสัย สมเด็จพระนเรศวรจึงตรัสต่อไปว่า แม่ทัพนายกองทั้งปวงซึ่งได้รับเกณฑ์เข้าในกองทัพ เมื่อเห็นข้าศึกก็ตกใจกลัว ยิ่งกว่ากลัวพระองค์ซึ่งเป็นเจ้านาย ไม่ตามเสด็จให้ทัน ปล่อยให้พระองค์สองพี่น้องเข้าสู้รบท่ามกลางข้าศึกจำนวนมากจนมีชัยชนะรอดพ้น ความตายจึงได้มาดูหน้าพวกทหารเหล่านั้น ทั้งนี้เพราะคุณความดียิ่งใหญ่ที่ได้ทำนุบำรุงบ้านเมืองไว้คอยอุดหนุนพระบรม เดชานุภาพของพระองค์สองพี่น้อง ถ้าไม่ได้ความดีแต่เก่าแล้ว ประเทศไทยจะต้องสิ้นอำนาจเสียแผ่นดินแก่กรุงหงสาวดีเป็นการเสื่อมเสีย เกียรติยศ จึงควรลงโทษถึงตายตามพระอัยการศึกเพื่อให้เป็นตัวอย่างมิให้คนอื่นเอาเยี่ยง อย่างสืบไป
สมเด็จพระวันรัตจึงกราบทูลว่า “ บรรดา ข้าทูลละอองธุลีพระบาทล้วนมีความจงรักภักดี เป็นการผิดแปลกไปจากแบบแผนแต่ก่อนที่ว่าไม่จงรักยำเกรงพระองค์ ทั้งนี้เพราะพระบรมเดชานุภาพสำแดงให้ปรากฏแก่ปวงชนเป็นที่น่าอัศจรรย์จึง บันดาลให้เป็นเช่นนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ( พระตรีโลกนาถ ) ทรงชนะพระยามารลำพังพระองค์เอง เช่นเดียวกับสมเด็จพระนเรศวร พระเอกาทศรถ เสด็จไปปราบอริราชศัตรูจนแพ้พ่ายโดยปราศจากไพร่พล พระเกียรติยศจึงเลื่องลือกึกก้องไปทั่วทุกแห่งหน หากมีทหารล้อมมากมายถึงเอาชนะได้ พระเกียรติยศก็ไม่ฟุ้งเฟื่องเพิ่มพูนขึ้น และกษัตริย์ทั้งหลายก็จะไม่พากันออกพระนามเอิกเกริกกันเช่นนี้ ขอพระองค์ทั้งสองอย่าได้โทมนัสน้อยพระทัยไปเลย ทั้งนี้เพราะเพื่อราชกฤฎาภินิหารของพระองค์ ทวยเทพทั้งหลายจึงบันดาลให้เป็นไปดังนั้น ขอมหาบพิตรทั้งสองพระองค์ อย่าได้ทรงขุ่นแค้นพระทัยไปเลย ทั้งนี้เป็นไปตามที่กราบทูลทุกประการ ”
สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงฟังพระวันรัตถวายวิสัชนา บรรยายโดยพิสดารโดยวิธีเปรียบเทียบกับกฤฎาภินิหารแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงปราโมทย์ ออกพระโอษฐ์สาธุถวายนมัสการแล้วตรัสว่า พระวันรัตกล่าวคำน่าขอบใจ ทุกสิ่งที่ชี้แจงสมควรและเป็นจริงไม่สงสัยแม้แต่น้อย พระวันรัตเห็นว่าทรงคลายกริ้วแม่ทัพนายกองแล้ว จึงกล่าวถวายพระพรให้พระองค์ปราศจากทุกข์ภัยอันตรายทั้งปวง แล้วกราบทูลต่อไปว่า แม่ทัพนายกองเหล่านี้มีความผิดรุนแรง ควรได้รับโทษทั้งโคตร แต่เคยได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณมาแต่ก่อนนับตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหา จักรพรรดิพระบรมราชอัยกา และสมเด็จพระมหาธรรมราชาพระราชบิดา จนล่วงถึงสมเด็จพระนเรศวรได้ขึ้นครองราชสมบัติ เปรียบได้กับพุทธบริษัททั้งปวง ช่วยกันดำรงพระพุทธศาสนาต่อมา ขอให้พระองค์ทรงงดโทษประหารชีวิตแม่ทัพนายกองไว้สักครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้เป็นกำลังส่งเสริมพระบรมเดชานุภาพ เมื่อศึกสงครามเกิดขึ้นอีก เขาเหล่านั้นจะคิดแก้ตัว หาความดีความชอบเพื่อเพิ่มพูนพระบารมีให้แผ่ไปทั่วบ้านเมืองชองพระองค์เป็น แน่
สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงสดับข้อความของพระวันรัต ที่ทูลขออภัยบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวง ก็ทรงพระกรุณาที่ว่าบุคคลเหล่านี้ยังจงรักภักดีต่อพระองค์อยู่ จึงพระราชทานอภัยโทษตามคำทูลของพระวันรัต แต่ทรงเห็นสมควรที่จะใช้ให้ไปตีเมืองตะนาวศรี ทวาย และ มะริด เป็นการชดเชยความผิด สมเด็จพระวันรัตกราบทูลว่า การรบทัพจับศึกไม่ใช่กิจอันควรที่พระภิกษุจะเห็นด้วย พระองค์จะทรงมีพระราชบัญชาใช้สอยประการใดสุดแล้วแต่พระราชอัธยาศัย แล้วสมเด็จพระวันรัตถวายพระพรลา พาคณะสงฆ์กลับวัด สมเด็จพระนเรศวรจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้แม่ทัพนายกองพ้นโทษและคงดำรงตำแหน่งยศเดิม สมเด็จพระนเรศวรทรงมีพระราชกำหนดให้ เจ้าพระยาคลังคุมทหาร 50,000 คน ไปตีเมืองทวาย ให้เจ้าพระยาจักรีคุมทัพจำนวนรี้พลเท่ากันไปตีเมือง มะริด และ ตะนาวศรี มหาอำมาตย์ทั้งสองกราบถวายบังคมลาไปเตรียมทัพยกไปทันที แล้วทั้งสองพระองค์ก็มีพระราชดำรัสถึงหัวเมือง ฝ่ายเหนือว่า ไทยได้กวาดต้อนครอบครัวเข้ามาจำนวนมากแต่ยังไม่หมด ทรงมีพระราชดำริว่าถึงศึก พม่า มอญ ว่าคงจะลดลงถึงจะยกมาก็คงไม่น่ากลัว ควรจะได้ทะนุบำรุงหัวเมืองฝ่ายเหนือไว้ให้รุ่งเรืองปรากฏเป็นเกียรติยศสืบ ต่อไปชั่วกัลปาวสาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น